การให้อาหารและความรู้ที่จำเป็น


ความสำคัญของอาหาร
อาหารเป็นปัจจัยสี่ที่ขาดไม่ได้ เช่นเดียวกับคน โกลเดนมีลักษณะว่องไว กระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่า มีชีวิตชีวา และกระตือรือล้นอยู่ตลอดเวลา จึงต้องการได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนทุกหมู่เป็นพิเศษ ทั้งโปรตีน ไขมัน คาร์์โบไฮเดรต-แป้ง วิตามิน เกลือแร่ และน้ำ การให้อาหารที่มีโภชนาการครบถ้วน ได้สัดส่วนและปริมาณที่ถูกต้องตามวัยและอายุมีผลอย่างมากในการทำให้มีสุขภาพจิตทีดี มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีการเติบโตที่ได้สัดส่วน การแบกน้ำหนักมากเกินไปจะทำให้โครงสร้างส่วนหลังเสียไป หรือเจ็บป่วยได้ง่าย ดังนั้นเราจึงควรศึกษาความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโภชนาการที่จำเป็นสำหรับผู้เลี้ัยงโกลเดนทุกคน
โปรตีน
มีอยู่มากในเนื้อปลา นม ไข่ ถั่วเหลือง มีความสำคัญในการเจริญเติบโต ซ่อมแซมกระดูกและเนื้อเยื่อต่างๆ สร้างกล้ามเนื้อ ช่วยในการผลิตภูมิคุ้มกัน ฮอร์โมนต่างๆ เสริมสร้างขนที่สวยงามมี
สุขภาพดี โกลเดนเด็กๆและโกลเดนท้องต้องการโปรตีนมากประมาณ 26-30% สำหรับโกลเดนโตทั่วไปต้องการ 22% ถึง 26%แต่โกลเดนหนุ่มๆและที่กระฉับกระเฉงมากต้องการโปรตีนเพิ่มมากยิ่งขึ้นเป็น 29-32%
ไขมัน
มีมากในเนื้อและน้ำมันพืช โดยจะให้พลังงานมากกว่าคาร์โบไฮเดรต โดยกรดไขมันจะช่วยส่งผ่านวิตามินและพลังงานที่สำคัญ ไขมันทำให้มีขนที่เงางามสมบูรณ์ มีสุขภาพผิวหนังที่ดี การขาดไขมันจะทำให้ขนหยาบผิวหนังแห้ง และมีผลต่อสุขภาพจากสารอาหารที่จำเป็นอื่นๆ หากมีไขมันมากเกินไปก็เป็นโรคอ้วนได้และอาจมีโรคหัวใจตามมา สุนัขที่มีกิจกรรมมากจะต้องการพลังงานจากไขมันเพิ่มขึ้นกว่าปรกติ โกลเดนเด็กๆและโกลเดนท้องต้องการประมาณ 15-18% สำหรับโกลเดนโตทั่วไปต้องการ 10% ถึง 15% แต่โกลเดนหนุ่มๆและที่กระฉับกระเฉงมากอาจต้องการเพิ่มมากยิ่งขึ้นเป็น 18-20%
คาร์โบไฮเดรต
ช่วยการเจริญเติบโตและให้พลังงาน ได้จากแป้ง น้ำตาลและข้าว เป็นส่วนผสมส่วนใหญ่ของอาหารสุนัข ใยไฟเบอร์ที่มีมากช่วยในการย่อย ถ้าได้รับมากเกินไปก็จะทำให้ท้องเสียได้ การที่ได้จากพืชจึงมีผลต่อระบบการย่อยอาหาร โดยที่ได้จากข้าวจะย่อยได้ดีที่สุด ได้จากมันฝรั่งและข้าวโพดรองลงมา ได้จากข้าวโอ๊ทและแย่ที่สุดคือถั่ว
วิตามิน
มีมากในผัก ผลไม้ น้ำมันตับปลา ต้องการเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันจากโรคภัยไข้เจ็บและเชื้อโรค โดยมีวิตามินที่สำคัญดังนี้
  • วิตามิน A ช่วยต้านทานโรค
  • วิตามิน B ควบคุมความสมบูรณ์ของผิวหนัง บำรุงสมองและเม็ดเลือด
  • วิตามิน C สร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
  • วิตามิน D ช่วยให้แคลเซียมและฟอสฟอรัสถูกนำไปใช้มากขึ้น บำรุงกระดูกและป้องกันโรคไขข้อ
  • วิตามิน E บำรุงผิวหนังจำเป็นต่อระบบสืบพันธุ์และการผลิตน้ำนม
โดยปกติสุนัขควรจะได้รับวิตามินในปริมาณที่เพียงพอจากส่วนผสมของอาหารเม็ดที่มีคุณภาพ หากต้องการบำรุงเพิ่มเติม ก็ควรที่จะใช้วิตามินที่สกัดแล้วในรูปของยาเม็ดซึ่งสามารถให้กินได้ง่ายกว่าในรูปของของเหลวที่ต้องผสมกับอาหารซึ่งอาจทำให้สุนัขไม่กินอาหารที่เคยกินอยู่เดิมได้ เราไม่ควรให้อาหารจำพวกพืชผักดิบแก่สุนัขมากเกินควร เนื่องจากสุนัขเป็นสัตว์กินเนื้อการได้รับอาหารจำพวกพืชผักจะมีผลต่อระบบย่อยอาหารที่อาจทำให้ท้องอืดและเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหารได้
เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติม วิตามินแต่ละชนิดจะมีอยู่มากในอาหารสดดังนี้
วิตามิน A
มีมากในน้ำมันตับปลา, นม, ครีม, เนย, ไข่แดง, ผัก, แตงโม, ผลไม้, ตับ, ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต ช่วยรักษาเนื้อเยื้อของจมูก หู ตา ปาก และโพรงกระดูกให้แข็งแรง ช่วยระบบทางเดินอาหารและการหายใจ
วิตามิน B1
มีในเนื้อเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว, หอยนางรม, ผักสีเขียว, เนื้อสัน, เครื่องในสัตว์, ถั่ว, นม, ไข่, ผลไม้สด, กล้วยหอม, เงาะ, มะละกอสุก, ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ช่วยให้ระบบประสาททำงานตามปกติ ช่วยให้เกิดอยากอาหาร ช่วยการย่อยอาหาร ช่วยให้เกิดแรงไม่เหนื่อยง่าย
วิตามิน B2
มีในเนื้อสัน, ตับ, ไข่, ผักสีเขียว, ผลไม้, เนยแข็ง, ถั่วลิสง, ช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส ช่วยให้กล้ามเนื้อต่าง ๆ ทำงานประสานกันดีขึ้น ช่วยป้องกันไม่ให้ตาและผิวหนังอักเสบ
วิตามิน B4
มีมากในยอดกะถิน, ตับ, ไข่, นม, เนย, เมล็ดพืช, ผลไม้, ผักสีเขียว มีประโยชน์เหมือนวิตามิน B6
วิตามิน B6
มีในหัวใจ, เนื้อ, ปลา, กล้วยต่าง ๆ กระหล่ำปลี, ถั่วลิสง, มันเทศ, น้ำมันรำ ช่วยในการเปลี่ยนแปลงอาหารโปรตีนและกรมไขมันบางชนิด ช่วยในการเผาผลาญอาหาร รักษาผิวพรรณ
วิตามิน B12
สกัดได้จากตับ ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง ซึ่งสืบเนื่องจากเมล็ดโลหิตแดงถูกทำลาย หรือกระดูกไขสันหลังย่อนสมรรถภาพในการผลิต โลหิตแดง มีในตับ, ผักสีเขียว, เนื้อ, เมล็ดพืช
วิตามิน C
มีในส้ม, มะนาว, มะเขือเทศ, ผักสดต่าง ๆ, พริกไทย, กล้วย, ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ไม่ค่อยปวดตามข้อ ทำให้อวัยวะในร่างกายต้านทานโรคดีขึ้น แต่วิตามินชนิดนี้ร่างกายเก็บเอาไว้ไม่ได้ ถูกทำลายได้ง่ายที่สุด เมื่อร่างกายถูกแสงแดดหรือความร้อน
วิตามิน D
มีในปลาและตับปลา, เนื้อ, ไข่, เมล็ดธัญพืช, กล้วยตาก ช่วยให้ร่างกายใช้แคลเซี่ยมและฟอสฟอรัสให้มีประโยชน์ขึ้น สร้างกระดูกและฟัน
วิตามิน E
มีในเนื้อสัตว์, ไข่สัตว์, พืชสีเขียว, ถั่วงอก ช่วยป้องกันไม่ให้เป็นหมัน
แร่ธาตุต่างๆ
ในพืชผักผลไม้ทั้งสีเหลืองและเขียว จะมีแร่ธาตุคอปเปอร์ ไอโอดีน เหล็ก มังกานีส สังกะสี ซึ่งจำเป็นแต่ต้องการเพียงเล็กน้อย ที่สำคัญมีแคลเซียมและฟอสฟอรัส ที่มีวิตามิน D นำพาไปหล่อเลี้ยงร่างกาย
น้ำ
เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อเซลร่างกาย ร่างกายของโกลเดนประกอบด้วยน้ำกว่า 60% เนื่องจากร่างกายไม่สามารถกักเก็บน้ำปริมาณมากๆได้ จึงต้องมีการให้น้ำดื่มที่เพียงพออยู่ตลอดเวลา การขาดน้ำมากมากมีผลให้เกิดอาการที่เรียกว่า ดีไฮเดรชั่น ที่มีผลทำให้ร่างกายไม่สามารถรักษาอุณหภูมิไว้ได้ อาจหมดสติได้

การเลือกชนิดของอาหาร
อาหารที่ให้ อาจเป็นอาหารที่เตรียมเองหรืออาหารเม็ดสำเร็จที่มีจำหน่ายในท้องตลาด แต่จำเป็นต้องเลือกจากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ที่ใช้ในการพัฒนาสายพันธุ์มานาน เพราะต้องใช้วัตถุดิบเกรดดีชนิดเดียวกับที่เป็นอาหารของคน
ข้อดีของอาหารสำเร็จคือไม่ต้องใช้เวลาเตรียม สามารถนำมาให้กับสุนัขได้ทันที ควบคุมปริมาณได้และมีสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วนเหมาะสมกับวัยและช่วงการเจริญเติบโต ข้อเสียคือมักมีราคาแพง
การเตรียมอาหารเองจะประหยัดกว่า รสชาติดีกว่า แต่จะควบคุมไม่ได้ มักจะเป็นสาเหตุให้มีไขมันเกินเกิดโรคอ้วนหรือขาดสารอาหารที่จำเป็นอยู่เสมอ
ดังนั้นหากเลือกได้จึงควรให้อาหารโกลเดนด้วยอาหารเม็ดสำเร็จ สูตรที่ใช้ก็จะมีสูตรลูกสุนัข สูตรสุนัขโต สูตรสุนัขแก่ ซึ่งความจำเป็นของสารอาหารแต่ละช่วงอายุก็จะแตกต่างกันตามความเหมาะสม การให้อาหารเม็ดจะช่วยลดกลิ่นปากและลดการสะสมของหินปูนได้อีกด้วย
สำหรับอาหารสดต้มสุกเช่นไข่ต้ม ตับบด เนื้อบด ไก่บด ต้มสุกใช้เป็นอาหารเสริมคลุกกับอาหารเม็ดช่วยเพิ่มรสชาติ หรือใช้เป็นของกินเล่นเช่นแครอท ฝรั่ง แอปเปิ้ลและกล้วยน้ำว้า ต้องเข้าใจว่าโกลเดนเป็นสัตว์กินเนื้อจึงมีระบบย่อยอาหารที่ไม่เหมาะกับพวกพืชผักสด ซึ่งจะเกิดก๊าซในกระเพาะได้หากได้รับมากเกินไป
สำหรับอาหารสำเร็จเปียกเช่นพวกอาหารกระป๋องใช้คลุกผสมในอาหารเม็ดสำเร็จเพื่อเพิ่มกลิ่นและรสชาติ และจะมีความจำเป็นในกรณีสุนัขป่วยมีอาการเบื่ออาหารและต้องการอาหารนิ่มๆที่ย่อยได้ง่าย




ปริมาณความต้องการ
ปริมาณการให้อาหารในแต่ละวันนั้นขึ้นอยู่กับอายุ ลักษณะของการใช้พลังงานและสุขภาพและลักษณะเฉพาะตัวซึ่งต้องอาศัยการสังเกตุด้วย โดยดูจากท้องหลังท้องอิ่มว่าควรพองมากกว่าชายโครงเพียงเล็กน้อย เวลาวิ่งต้องไม่กลิ้งไปมา
การดูลักษณะของขนที่สมบูรณ์จะเป็นตัวบ่งบอกการให้อาหารและได้รับปริมาณสารอาหารที่ถูกต้อง ซึ่งจะมีผลให้ขนมีความสวยเงางาม นิ่มมือและลื่นเมื่อลูบไล้ มีสีขนที่สวยงาม การที่ขนหม่นและหยาบจึงอาจมีสาเหตุจากการให้อาหารที่ไม่ครบหมู่ ขาดสารอาหารที่จำเป็น
การให้อาหารโกลเดนจะต้องให้ตามเวลาที่กำหนดไว้ โกลเดนที่โตเต็มวัยสามารถให้เพียงมื้อเดียวได้แต่จะดีกว่าหากแบ่งปริมาณเป็น 2 มื้อต่อวัน ลูกโกลเดนตัวเล็กๆควรให้ปริมาณน้อยๆแต่ถี่ กรณีทีเพิ่งหย่านมอาจจำเป็นต้องให้ทุก 15 นาที อายุสามถึงสี่เดือนควรแบ่งเป็น 3-4 มื้อต่อวัน หลังจากนั้นเมื่อโตขึ้นก็ให้ 2 มื้อต่อวัน หรืออาจให้เพียงแค่ 1 มื้อต่อวันได้ ช่วงอายประมาณ 14 อาทิตย์นี้จะเริ่มผลัดฟันน้ำนมและคันฟัน ควรหาสิ่งที่ให้เคี้ยวให้แทะเล่น
ทั้งนี้แต่ละช่วงอายุต่างๆจะมีคำแนะนำดังนี้
อายุ
อาหารที่ให้
ตั้งแต่แรกเกิด ถึง 5 สัปดาห์
ลูกสุนัขควรจะได้รับนมแม่หรือนมน้ำเหลืองเป็นหลัก โดยเฉพาะในช่วงสามวันแรกที่ร่างกายต้องการสารอาหารเพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทาน แต่ถ้าแม่สุนัขไม่สามารถให้นมได้ คุณควรเลี้ยงลูกสุนัขด้วยนมสำหรับลูกสุนัขโดยเฉพาะ ในสัปดาห์ที่ 4 คุณสามารถเริ่มให้อาหารเม็ดสำเร็จรูปทีละน้อยๆโดยผสมกับนมอุ่นๆ
6-8 สัปดาห์
ควรเริ่มฝึกให้ทานอาหารเม็ด โดยผสมน้ำอุ่นเพื่อให้มีความอ่อนตัวไม่แข็งจนเกินไป ควรให้ประมาณวันละ 4 มื้อ ( เช้า กลางวัน เย็น และ ก่อนนอน )
9-11 สัปดาห์
ลดปริมาณน้ำอุ่นที่ผสมในอาหารลง เพราะสุนัขเริ่มทานอาหารแข็งได้แล้ว
3-5 เดือน
ลดปริมาณน้ำอุ่นที่ผสมในอาหารลงอีก และลดจำนวนมื้ออาหารเป็นวันละ 3 มื้อ (เช้า กลางวัน เย็น)
6 เดือนขึ้นไป
เริ่มให้เขาหัดกินอาหารเม็ด โดยไม่ต้องผสมน้ำอีกต่อไปและให้ลดเหลือเพียง 1-2 มื้อต่อวัน
ลูกโกลเดนอายุต่ำกว่าห้าเดือน
ต้องการอาหารทั้งปริมาณและสารอาหารเพื่อการเจริญเติบโตอย่างมาก แบ่งเป็น 3-4 มื้อต่อวันโดยที่ต้องการปริมาณอาหารประมาณ 10% ของน้ำหนักตัว การให้ปริมาณอาหารมากๆและมีจำนวนมื้อต่อวันน้อยครั้งเกินไปจะทำให้โครงสร้างเสียได้
เมื่ออายุได้ห้าถึงเจ็ดเดือน
ลดความถี่ในการให้อาหารลงเป็น 2 ครั้งต่อวัน แต่ค่อยๆเพิ่มปริมาณให้มากขึ้นเพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่กำลังเจริญเติบโต สังเกตว่าผอมหรืออ้วนไปหรือไม่แล้วลดหรือเพิ่มตามสัดส่วน
อายุตั้งแต่เจ็ดถึงสิบเดือน
ก็จะเป็นช่วงหนุ่มสาว จะกินอาหารน้อยลง แต่ยังคงให้อาหาร 2 มื้อต่อวัน ช่วงนี้โกลเดนจะเริ่มผลัดขน จะสังเกตุได้จากขนอ่อนที่หลุดร่วงและมีขนใหม่ที่ค่อนข้างแข็งกว่าและยาวกว่าขึ้นแทน
โกลเดนที่โตเต็มที่
อาจให้อาหารเพียง 1 มื้อต่อวันได้ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับน้ำหนักและกิจกรรมประจำวัน หากออกกำลังกายมากเช่นออกเล่นกีฬาล่าสัตว์หรือแข่งขันวิ่งข้ามสิ่งกีดขวางหรือว่ายน้ำ ก็จำเป็นที่จะต้องให้ปริมาณอาหารที่มากขึ้นโดยแบ่งเป็น 2 มื้อต่อวัน
สำหรับหมาโกลเดนแก่
จะให้อาหารคล้ายกับลูกโกลเดน ทั้งนี้พลังงานจากอาหารหากไม่ได้ถูกใช้จะถูกสะสมเป็นไขมันได้ง่าย จึงมีโอกาสเป็นโรคอ้วนได้ โปรตีนจะเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องได้รับอย่างเพียงพอ โดยต้องการไม่น้อยกว่า 15% แต่ต้องไม่มากเกินไปเพราะจะมีผลให้ไตทำงานหนักเกินไปหากได้รับโปรตีนเกินความจำเป็น
โกลเดนจะไม่เบื่ออาหารง่ายนักหากได้รับอาหารที่มีคุณค่าแบบเดิมๆตลอดชีวิต จึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอาหารที่เคยกิน อาจใช้อาหารทีเตรียมเองนำมาผสมเพื่อเพิ่มกลิ่นและรสชาติได้ การเปลี่ยนอาหารทันทีอาจทำให้ท้องเสียได้ หากจำเป็นต้องเปลี่ยนจะต้องค่อยๆเปลี่ยนทีละน้อยค่อยๆเพิ่มขึ้น หากทำอย่างไรก็ไม่กินอาหารเป็นเวลา 2-3 วันจำเป็นต้องปรึกษาสัตวแพทย์โดยทันที
ข้อแนะนำสำหรับการให้อาหารสุนัข
  • อาหารสำเร็จรูปควรเลือกใช้ของบริษัทที่น่าเชื่อถือ
  • จัดน้ำสะอาดไว้ให้ตลอดเวลา
  • อาหารที่ให้ควรมีอุณหภูมิเท่ากับอุณหภูมิห้อง
  • อาหารที่มีน้ำเป็นส่วนผสมที่กินเหลือไม่ควรเก็บไว้ในมื้อต่อไป
  • อาหารแห้งควรทิ้งไว้วันต่อวัน
  • ไม่ควรปล่อยให้สุนัขอ้วนเกินไป
  • ห้ามให้กระดูกที่เปราะแก่สุนัข เช่นกระดูกไก่
  • สุนัขที่ไม่ยอมกินอาหารนานกว่า 24 ชั่วโมง อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสุนัขเจ็บป่วย ควรปรีกษาสัตวแพทย์